เมื่อพิมพ์แบบมีแนวโน้มว่าเรากำลัง”ขาย”

พรีเซนต์ สินค้า หรือแม้กระทั่ง review
ระบบจับว่าเป็นการขาย
โดน “ลดการมองเห็น”

การพิมพ์ว่า “vาย แทนคำว่า ขาย”
อาจจะใช้ได้ไม่นาน
เพราะในแฟนเพจเอง
การพิมพ์ผิด ไวยากรณ์
นั่นเป็นเรื่องต้องห้ามอยู่แล้ว

2.มีการใช้ “กฎของแฟนเพจหรือบัญชีโฆษณา”
นำมาปรับใช้กับ “เฟสบุคส่วนตัวมากขึ้น”

การโพสต์ในแบบที่ผิดกฎ
อย่างเช่น before-after
หรือหน้าแชทของ messenger
อาจจะโดนอุ้มได้หรือโพสต​์แล้วไม่ติด
หายไปดื้อ ๆ ทำให้คุณรำคาญได้

3.คนส่วนนึงโดนสูบเวลา
ไปกับแพลทฟอร์มอื่น ๆ

TIKTOK INSTAGRAM
ถ้าใครติด คือไปแล้วไปเลย
นาน ๆ ที จะแวะกลับเข้ามาที่เฟสบุค

4.มีการดันการมองเห็นใน group มากขึ้น

พยายามให้เรา join กลุ่มใหม่ ๆ
มีการดันโพสต์​ในกลุ่มที่เรา join แล้ว
เข้ามาใน newsfeed มากขึ้น

ถ้าคนใช้เวลาเล่นเท่าเดิม
นั่นหมายความว่า
newsfeed บางส่วนจะถูกตัดออกไปนั่นเอง

เฟสบุคมีการจูนการมองเห็น
ของแต่ละ function ตลอดเวลา
แต่คำถามคือ ความรวดเร็วในการปรับเปลี่ยน
ทำให้เราสามารถสร้างฐาน
ในแต่ละ function ทันหรือเปล่า?

5.ลองเทียบ engagement ในเฟสบุคกับไอจี

ถ้าเป็นคนธรรมดาไม่ได้ทำเพจ
หรือเป็นคนดังระดับดารา
การที่ใครจะได้ยอดไลค์หลัก 5,000-10,000 likes
ใน IG เป็นเรื่องง่ายกว่ามาก ๆ

ถ้ามาดูหลังบ้านเราจะรู้เลยว่า
50,000 page likes ในเฟสบุค
50,000 folllowers ในไอจี
engagement ต่างกันเยอะมากกกก

แถมในอินสตาแกรม
คนสามารถตามเราจาก hashtag
ได้มหาศาลครับ (คนมองเห็นเพิ้มขึ้น 10,000-20,000 ได้จาก hashtag
อย่างเดียวครับ)

6.คนไลฟ์ตายไปเยอะมาก
จากแต่ก่อนได้วันละหลักหมื่น
ตอนนี้เหลือหลักพันก็กราบแล้ว

โดยเฉลี่ยการมองเห็นของไลฟ์
ตกเยอะมากกว่าแต่ก่อน
“เฟสบุคเลิกดันไลฟ์”
(ตอนนี้ไปดันกรุ๊ปแทน)

ใครยังพึ่ง function เดียว
หรือเทคนิคเดียว
หรือ platform เดียว
เป็นเรื่องอันตรายมาก ๆ
กับอนาคตธุรกิจของคุณ

ปรับตัวก่อนที่มันจะเป็น
ร้อนรนในขณะที่คุณยังไม่หลังชนฝา
ฆ่าวิธีการของตัวเองด้วยวิธีการ
หรือเครื่องมือใหม่ ๆ

ถ้า .. อยากสำเร็จ อย่า “ยึดติด”
อย่ารอให้”โลกแคบ”ถล่มลงมา
เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น
เราจะกลัว”โลกแห่งความจริง”ที่กว้างใหญ่ทันที

หมอกิม